ความแตกต่างระหว่าง “ยักยอกทรัพย์” กับ “ลักทรัพย์” เข้าใจให้ชัดก่อนฟ้อง
รู้ทันข้อกฎหมายก่อนตัดสินใจฟ้อง แยกให้ชัดระหว่าง “ลักทรัพย์” กับ “ยักยอกทรัพย์”
ต่างกันตรงไหน ใครคือผู้เสียหายที่แท้จริง
ในคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน หนึ่งในข้อสงสัยที่เกิดขึ้นบ่อย คือความแตกต่างระหว่าง “ลักทรัพย์” กับ “ยักยอกทรัพย์” ซึ่งแม้จะดูคล้ายกัน แต่ตามกฎหมายไทยแล้วมีความแตกต่างที่สำคัญ หากคุณกำลังจะดำเนินการฟ้องยักยอกทรัพย์ จำเป็นต้องเข้าใจเงื่อนไขให้ชัดเจน เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปตามเจตนาและข้อกฎหมายอย่างถูกต้อง
ความหมายของ “ลักทรัพย์” และ “ยักยอกทรัพย์” ตามกฎหมาย
ลักทรัพย์: การเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยไม่มีสิทธิ
ลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 คือ การที่ผู้กระทำเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต โดยไม่มีสิทธิและไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ ซึ่งหมายถึงการขโมยหรือการแอบเอาทรัพย์ออกไปจากความครอบครองของเจ้าของ
ยักยอกทรัพย์: การเอาทรัพย์ที่ได้รับมาถูกต้องมาเป็นของตนเอง
ส่วนการยักยอกทรัพย์ตามมาตรา 352 หมายถึงการที่ผู้กระทำได้รับทรัพย์จากเจ้าของอย่างถูกต้อง เช่น ได้รับมอบหมายหรือยืมใช้ แต่ภายหลังกลับไม่ส่งคืนหรือแอบเอาทรัพย์นั้นมาเป็นของตนเองโดยทุจริต
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง “ลักทรัพย์” และ “ยักยอกทรัพย์”
ประเด็น |
ลักทรัพย์ |
ยักยอกทรัพย์ |
---|---|---|
การครอบครอง |
ผู้กระทำไม่มีสิทธิครอบครอง |
ผู้กระทำได้รับสิทธิครอบครองโดยชอบ |
ลักษณะการกระทำ |
ขโมยหรือแอบเอาทรัพย์ไป |
ใช้สิทธิที่ได้รับมาโดยมิชอบเพื่อยักยอก |
ตัวอย่าง |
แอบขโมยเงินจากกระเป๋า |
ยืมรถเพื่อนไปแล้วไม่คืน ขายต่อ |
ความเข้าใจเรื่องนี้มีผลต่อการฟ้องยักยอกทรัพย์ เพราะหากเข้าใจผิดและดำเนินการฟ้องในข้อหาลักทรัพย์ ทั้งที่ข้อเท็จจริงเข้าข่ายยักยอก อาจทำให้คดีอ่อนหรือศาลไม่รับฟ้องได้
ข้อควรรู้ก่อนดำเนินการฟ้องยักยอกทรัพย์
1. ต้องมีหลักฐานว่าอีกฝ่ายได้รับทรัพย์โดยชอบ
ก่อนจะดำเนินการฟ้องยักยอกทรัพย์ คุณต้องแสดงให้เห็นว่าทรัพย์นั้นเคยอยู่ในการครอบครองของผู้กระทำโดยเจ้าของยินยอม เช่น ให้ยืม ฝากไว้ หรือมอบหมาย
2. ต้องแสดงเจตนา “ทุจริต” ของผู้กระทำ
การไม่ส่งคืนทรัพย์อาจไม่ถือเป็นยักยอก หากไม่มีเจตนาแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เช่น ลืมคืน หรือติดปัญหาชั่วคราว ดังนั้น การรวบรวมหลักฐาน เช่น ข้อความสนทนา หรือพยานแวดล้อม จึงมีความสำคัญ
3. ยื่นฟ้องได้ทั้งทางแพ่งและอาญา
การฟ้องยักยอกทรัพย์ สามารถทำได้ใน 2 แนวทางคือ
- ทางแพ่ง เพื่อเรียกร้องทรัพย์หรือค่าชดเชยคืน
- ทางอาญา เพื่อให้ผู้กระทำรับโทษตามกฎหมาย
การดำเนินการทั้งสองรูปแบบสามารถทำควบคู่กันได้ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของผู้เสียหาย
ตัวอย่างสถานการณ์ที่เข้าเกณฑ์ยักยอกทรัพย์
- พนักงานได้รับเงินจากลูกค้า แต่ไม่นำส่งบริษัท นำไปใช้ส่วนตัว
- เพื่อนขอยืมมอเตอร์ไซค์แล้วไม่คืน ขายต่อให้ผู้อื่น
- ผู้รับฝากของ ปฏิเสธว่าไม่ได้รับของ ทั้งที่มีหลักฐาน
ในสถานการณ์เช่นนี้ การฟ้องยักยอกทรัพย์จะเป็นช่องทางเรียกร้องความยุติธรรมที่เหมาะสมกว่าการฟ้องลักทรัพย์
เข้าใจให้ชัดก่อนฟ้องยักยอกทรัพย์
การแยกแยะระหว่าง “ลักทรัพย์” กับ “ยักยอกทรัพย์” มีผลต่อแนวทางการดำเนินคดี หากฟ้องผิดฐาน อาจทำให้ศาลไม่รับฟ้อง หรือผู้กระทำพ้นโทษ ดังนั้นผู้เสียหายควรปรึกษาทนายความก่อนตัดสินใจฟ้องยักยอกทรัพย์ เพื่อเตรียมหลักฐานและแนวทางดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย
สำนักทนายความ บริษัท สัจธรรมกฎหมายและนักสืบ จำกัด พร้อมทีมทนายคดีอาญาและทนายคดีครอบครัว ผู้มีประสบการณ์ในการว่าความ ให้คำแนะนำและดำเนินคดีทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นฟ้องหมิ่นประมาท ทั้งทางแพ่งและอาญา ฟ้องชู้เรียกค่าทดแทน ฟ้องหย่าเพื่อปกป้องสิทธิ์ของคู่สมรส ฟ้องแชร์ ฟ้องคดีฉ้อโกงหรือฟ้องยักยอกทรัพย์ เพื่อทวงคืนความเป็นธรรม รวมถึงฟ้องผิดสัญญาซื้อขายและฟ้องค่าส่วนกลางของนิติบุคคล
นอกจากนี้ เรายังมีบริการจ้างนักสืบ โดยทีมนักสืบเอกชน ช่วยตรวจสอบข้อมูล ติดตามพฤติกรรมบุคคล หรือสืบทรัพย์ บังคับคดี เพื่อให้ลูกค้าได้รับความเป็นธรรมสูงสุด รวมถึงบริการจ้างทนายไกล่เกลี่ย เพื่อหาทางออกทางกฎหมายโดยสันติวิธี
สำหรับงานด้านมรดก เราช่วยตั้งผู้จัดการมรดกให้เป็นไปตามกฎหมาย ช่วยให้กระบวนการจัดการทรัพย์สินราบรื่น และหากต้องการความช่วยเหลือด้านกฎหมาย เรายังให้บริการที่ปรึกษากฎหมาย พร้อมปรึกษาทนายความได้ทุกคดี ไม่ว่าจะเป็นทนายคดีปกครอง หรือฟ้องแชร์ เราพร้อมดูแลทุกปัญหาทางกฎหมายด้วยความเป็นธรรม ซื่อสัตย์ และรักษาความลับของลูกค้าอย่างสูงสุด เพื่อให้คุณได้รับความยุติธรรมอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไป หรือองค์กร บริษัท สัจธรรมกฎหมายและนักสืบ จำกัด พร้อมเป็นที่พึ่งพาทางกฎหมายให้คุณ