แค่ไหนถึงเรียก "หมิ่นประมาท"? เช็กลิสต์องค์ประกอบความผิดก่อนไปแจ้งความ
ReadyPlanet.com
แค่ไหนถึงเรียก "หมิ่นประมาท"? เช็กลิสต์องค์ประกอบความผิดก่อนไปแจ้งความ

แค่ไหนถึงเรียก "หมิ่นประมาท"? เช็กลิสต์องค์ประกอบความผิดก่อนไปแจ้งความ

 แค่ไหนถึงเรียก

รู้ให้ชัดว่าแค่ไหนถึงเข้าข่ายหมิ่นประมาท พร้อมเช็กองค์ประกอบความผิดก่อนตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดี

ในยุคดิจิทัลที่การแสดงความคิดเห็นเป็นไปอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง การกล่าวถึงบุคคลอื่นในทางที่ไม่ดีอาจเกิดขึ้นได้ง่ายจนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ในทางกฎหมาย การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดฐาน "หมิ่นประมาท" ได้ ซึ่งเป็นอาญาแผ่นดินที่ผู้เสียหายสามารถแจ้งความได้ บทความนี้จะสรุปองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาทตามกฎหมายไทยอย่างละเอียด เพื่อให้คุณมีข้อมูลที่ถูกต้องก่อนจะตัดสินใจฟ้องหมิ่นประมาท หรือดำเนินการทางกฎหมายใด ๆ

องค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326

การกระทำจะเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทได้ ต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญครบทั้ง 3 ข้อ ดังนี้

1. การใส่ความบุคคลอื่นต่อบุคคลที่สาม

"การใส่ความ" หมายถึง การยืนยันข้อเท็จจริงที่ไม่เป็นความจริง ไม่ว่าจะเป็นการพูด, เขียน, พิมพ์, โฆษณา, หรือกระทำการใด ๆ ที่เป็นการกล่าวหาบุคคลอื่นในทางที่ไม่ดี และทำให้บุคคลนั้นเสียหาย และที่สำคัญคือต้องทำ "ต่อบุคคลที่สาม" ซึ่งหมายถึงบุคคลอื่นใดที่ไม่ใช่ผู้ถูกใส่ความโดยตรง เช่น การโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียที่ผู้อื่นสามารถเห็นได้ หรือการพูดคุยกับเพื่อนถึงเรื่องที่ไม่ดีของบุคคลอื่น ถือเป็นการใส่ความต่อบุคคลที่สาม

2. ทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง

ผลของการใส่ความนั้นต้องส่งผลให้ผู้ถูกกล่าวหา "เสียชื่อเสียง", "ถูกดูหมิ่น", หรือ "ถูกเกลียดชัง" ซึ่งหมายถึงการที่บุคคลที่สามที่รับทราบเรื่องราวนั้นมีทัศนคติหรือความรู้สึกที่ไม่ดีต่อผู้ถูกกล่าวหา ตัวอย่างเช่น ทำให้คนอื่นไม่เชื่อถือในการทำงาน, มองว่าไม่น่าคบหา, หรือรังเกียจ อันเป็นผลโดยตรงจากการใส่ความนั้น

3. การกระทำโดยเจตนา

ผู้กระทำต้องมี "เจตนา" ในการใส่ความ เพื่อให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย กล่าวคือ ผู้กระทำทราบอยู่แล้วว่าข้อความนั้นไม่เป็นความจริง และตั้งใจที่จะให้บุคคลที่สามได้รับทราบ เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาเสียหาย การกระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเข้าใจผิดโดยสุจริต อาจไม่ใช่ความผิดฐานหมิ่นประมาท

ตัวอย่างสถานการณ์ที่เข้าข่ายและไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท

ตัวอย่างที่เข้าข่าย

  • การโพสต์บน Facebook: นาย A โพสต์ในกลุ่มสาธารณะว่า "นาย B ขโมยเงินบริษัทไป" ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง ทำให้เพื่อนร่วมงานของนาย B มองเขาในแง่ลบและถูกเกลียดชัง
  • การพูดต่อหน้าบุคคลอื่น: นางสาว C ไปเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟังว่า นางสาว D ติดการพนัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลความจริง ทำให้ D เสียชื่อเสียง

ตัวอย่างที่ไม่เข้าข่าย

  • การกล่าวถึงตัวบุคคลโดยไม่เจาะจง: การโพสต์ข้อความว่า "คนในวงการนี้บางคนโกงเงิน" โดยไม่ได้ระบุชื่อ อาจไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท
  • การด่าทอโดยไม่มีการใส่ความ: การด่าทอด้วยคำหยาบคายโดยไม่มีการยืนยันข้อเท็จจริงว่าบุคคลนั้นทำความผิดอะไร อาจเป็นความผิดฐานอื่น เช่น ดูหมิ่นซึ่งหน้า แต่ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท

สิ่งที่ควรทำก่อนตัดสินใจฟ้องหมิ่นประมาท

หากคุณเชื่อว่าตนเองถูกหมิ่นประมาท ควรเริ่มต้นจากการรวบรวมหลักฐานให้ครบถ้วน เช่น ข้อความสนทนา, ภาพหน้าจอโพสต์ในโซเชียลมีเดีย หรือพยานบุคคลที่รับทราบเรื่องราว จากนั้นจึงควรปรึกษาทนายความผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำและวิเคราะห์ข้อเท็จจริงทางกฎหมายอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจดำเนินการใดๆ

ให้สำนักทนายความ บริษัท สัจธรรมกฎหมายและนักสืบ จำกัด เป็นที่ปรึกษาของคุณ

หากคุณต้องการคำปรึกษาทางกฎหมายในคดีฟ้องหมิ่นประมาท หรือคดีอาญาอื่น ๆ โปรดติดต่อ สำนักทนายความ บริษัท สัจธรรมกฎหมายและนักสืบ จำกัด เรามีทีมทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านคดีหมิ่นประมาทโดยเฉพาะ ที่พร้อมให้คำปรึกษา วิเคราะห์ข้อเท็จจริง และดำเนินการทางกฎหมายอย่างมืออาชีพ เพื่อปกป้องสิทธิและชื่อเสียงของคุณอย่างเต็มที่


ต้องการที่ปรึกษากฎหมายอย่างเร่งด่วน
ติดต่อสำนักทนายความ บริษัท สัจธรรมกฎหมายและนักสืบ จำกัด