ตั้งผู้จัดการมรดกต้องทำอย่างไร? ขั้นตอนทางกฎหมายที่ทายาทควรรู้
ReadyPlanet.com
ตั้งผู้จัดการมรดกต้องทำอย่างไร? ขั้นตอนทางกฎหมายที่ทายาทควรรู้

   

ตั้งผู้จัดการมรดกต้องทำอย่างไร? ขั้นตอนทางกฎหมายที่ทายาทควรรู้

ทายาทควรรู้ก่อนตั้งผู้จัดการมรดก ต้องยื่นคำร้องต่อศาล เตรียมเอกสารอะไรบ้าง และมีหน้าที่อย่างไรในการจัดการทรัพย์สินของผู้เสียชีวิต​

 

 ตั้งผู้จัดการมรดกต้องทำอย่างไร? ขั้นตอนทางกฎหมายที่ทายาทควรรู้

 

เมื่อบุคคลใดเสียชีวิต ทรัพย์สินที่เขาทิ้งไว้ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ดิน เงินฝาก หรือทรัพย์สินมีค่าอื่น ๆ จะตกเป็น “มรดก” ซึ่งต้องมีผู้ดำเนินการจัดการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย การตั้งผู้จัดการมรดกจึงเป็นกระบวนการสำคัญที่ทายาทหรือผู้เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเข้าใจ เพราะเป็นการแต่งตั้งผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการรวบรวม จัดการ และแบ่งปันทรัพย์มรดกให้ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของผู้ตาย หากผู้ตายได้ทำพินัยกรรมไว้ หรือหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้

หลายคนอาจเข้าใจว่าเมื่อพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่เสียชีวิต ทุกอย่างจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ แต่ในทางกฎหมาย การจัดการมรดกจำเป็นต้องดำเนินผ่านกระบวนการศาล เพื่อให้เกิดความชัดเจน เป็นธรรม และป้องกันปัญหาขัดแย้งภายหลัง การตั้งผู้จัดการมรดกจึงไม่ใช่เรื่องเลือกได้หรือไม่ หากมีทรัพย์สินและทายาทหลายคน

ผู้จัดการมรดกคือใคร มีหน้าที่อะไร?

ผู้จัดการมรดก คือ บุคคลที่ได้รับคำสั่งศาลแต่งตั้งให้มีอำนาจในการจัดการมรดกของผู้เสียชีวิต โดยอาจเป็นทายาท ญาติ คู่สมรส หรือบุคคลภายนอกที่ผู้ตายเคยระบุไว้ในพินัยกรรม หน้าที่หลักของผู้จัดการมรดก ได้แก่ การรวบรวมทรัพย์สินของผู้ตาย ชำระหนี้สินตามลำดับความสำคัญ และจัดแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทตามกฎหมายหรือพินัยกรรมอย่างถูกต้อง

การตั้งผู้จัดการมรดกจึงเป็นเหมือนการมอบหมายหน้าที่สำคัญในการจัดการทรัพย์สินของผู้ล่วงลับ เพื่อให้ทรัพย์สินที่สะสมมาตลอดชีวิตถูกแบ่งปันแก่ทายาท

ใครบ้างที่สามารถยื่นขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกได้?

ผู้มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอตั้งผู้จัดการมรดก โดยหลักต้องเป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก หรือ ผู้มีส่วนได้เสีย ได้แก่

  • ทายาทโดยธรรม เช่น บุตร คู่สมรส พ่อแม่ หรือพี่น้อง
  • ผู้รับพินัยกรรม หรือบุคคลซึ่งถูกแต่งตั้ังตามพินัยกรรม หากผู้ตายทำพินัยกรรมไว้
  • เจ้าหนี้ของผู้ตาย หากต้องการเรียกร้องสิทธิจากทรัพย์มรดก
  • บุคคลที่ศาลเห็นว่ามีส่วนได้เสียโดยชอบธรรม

ไม่จำเป็นว่าผู้ร้องจะต้องเป็นผู้จัดการมรดกเองเสมอไป ผู้ร้องอาจยื่นคำร้องให้ผู้อื่นเป็นผู้จัดการมรดก แทนตนเองได้ ศาลจะพิจารณาความเหมาะสม เช่น ความสมัครใจ ความสามารถในการจัดการ และความสัมพันธ์กับผู้ตาย

เอกสารสำคัญที่ใช้ยื่นคำร้องตั้งผู้จัดการมรดก

ก่อนยื่นคำร้อง ต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม โดยทั่วไปประกอบด้วย

  • สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนของผู้ร้อง
  • สำเนามรณบัตรของผู้เสียชีวิต
  • รายการทรัพย์สินที่อยู่ในมรดก
  • เอกสารแสดงความสัมพันธ์ เช่น สูติบัตร ทะเบียนสมรส
  • พินัยกรรม (ถ้ามี)
  • รายชื่อทายาททั้งหมด พร้อมสำเนาบัตรประชาชน

การเตรียมเอกสารครบถ้วนจะช่วยให้ศาลพิจารณาคำร้องได้เร็วขึ้น และลดโอกาสเกิดข้อโต้แย้งจากทายาทคนอื่น

ขั้นตอนการยื่นคำร้องต่อศาล

  1. ยื่นคำร้องที่ศาลจังหวัด ที่ผู้เสียชีวิตมีภูมิลำเนาครั้งสุดท้าย
  2. ศาลนัดไต่สวน เพื่อรับฟังความเห็นของผู้ร้องและทายาทคนอื่น (หากมี)
  3. ประกาศศาล ให้บุคคลภายนอกรับรู้และมีโอกาสคัดค้านหากมีสิทธิเกี่ยวข้อง
  4. ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดก และหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด 
  5. ผู้จัดการมรดกแจ้งคำสั่งต่อหน่วยงานต่างๆ เช่น  เพื่อให้ดำเนินการโอนทรัพย์หรือถอนเงินได้ตามกฎหมาย

การตั้งผู้จัดการมรดกจึงไม่สามารถดำเนินเองโดยไม่ผ่านศาล แม้ทุกฝ่ายจะยินยอมก็ตาม

ความแตกต่างระหว่างการตั้งผู้จัดการมรดกกรณีมีพินัยกรรมกับไม่มีพินัยกรรม

  • กรณีมีพินัยกรรม ผู้ที่ระบุในพินัยกรรมจะเป็นผู้ที่ศาลพิจารณาแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดก หากไม่มีเหตุให้ต้องเปลี่ยนแปลง
  • กรณีไม่มีพินัยกรรม ศาลจะพิจารณาจากผู้ร้องว่าเป็นบุคคลที่มีสิทธิรับมรดกหรือไม่ (ตามหลักญาติสนิทตัดญาติห่าง) และหากมีผู้คัดค้าน ศาลจะใช้ดุลพินิจว่าผู้ใดเหมาะสมที่สุดในการทำหน้าที่นี้

การมีพินัยกรรมจึงช่วยให้ขั้นตอนการตั้งผู้จัดการมรดกราบรื่นและชัดเจนมากขึ้น เพราะระบุไว้ล่วงหน้าแล้วว่าใครควรรับหน้าที่ และได้แสดงเจตนาไว้ก่อนตายแล้วว่าต้องการให้ทรัพย์ของตนตกแก่บุคคลใดบ้าง

ความสำคัญของการตั้งผู้จัดการมรดกที่ถูกต้องตามกฎหมาย

หลายครอบครัวมักประสบปัญหาทะเลาะเบาะแว้งหรือไม่สามารถขายหรือโอนทรัพย์ได้ เพราะไม่มีการตั้งผู้จัดการมรดกอย่างเป็นทางการ จึงทำให้เกิดความล่าช้า ขัดแย้ง หรือถูกบุคคลอื่นแทรกแซงสิทธิของทายาทโดยไม่รู้ตัว

การตั้งผู้จัดการมรดกที่ถูกต้องตามกระบวนการศาล นอกจากจะเป็นการรับรองสิทธิทางกฎหมายแล้ว ยังช่วยสร้างความไว้วางใจให้แก่ทุกฝ่าย ลดข้อโต้แย้ง และทำให้การแบ่งทรัพย์ราบรื่น

ต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ในการตั้งผู้จัดการมรดก?

โดยทั่วไป ค่าใช้จ่ายในการยื่นคำร้องศาลเพื่อตั้งผู้จัดการมรดกจะประกอบด้วย

  • ค่าธรรมเนียมศาล : 200 บาท
  • ค่าว่าจ้างทนายความ : กรณีไม่มีผู้คัดค้าน จะอยู่ที่ 10,000-20,000 บาท 
  • ค่าส่งหมายแจ้งทายาทกรณีติดต่อทายาทบางคนไม่ได้ หรือทายาทที่มีสิทธิรับมรดกบางคนไม่ทำหนังสือยินยอมให้เป็นผู้จัดการมรดก : เริ่มต้นที่ภูมิลำเนาละ 500 บาท 
  • ค่ารับรองเอกสารและสำเนาต่าง ๆ - ประมาณ 200 บาท 

หากกรณีไม่ซับซ้อน และทุกฝ่ายยินยอม ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอาจอยู่ในหลักหมื่นต้น ๆ เท่านั้น

ต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ในการตั้งผู้จัดการมรดก?

ระยะเวลาในการยื่นคำร้อง จนได้รับคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดก ประมาณ 2 เดือน 

ผู้จัดการมรดกสามารถถูกถอดถอนหรือเปลี่ยนตัวได้หรือไม่?

คำตอบคือสามารถทำได้ หากผู้จัดการมรดกไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ประพฤติมิชอบ ทายาทคนอื่นสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอถอดถอนหรือเปลี่ยนตัวได้ โดยศาลจะพิจารณาจากหลักฐานและข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน เพื่อให้เกิดความยุติธรรม

การตั้งผู้จัดการมรดกจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการจัดการทรัพย์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความไว้วางใจ ความโปร่งใส และความรับผิดชอบในนามของครอบครัว

การตั้งผู้จัดการมรดกเป็นขั้นตอนสำคัญที่ทายาททุกคนควรทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้การจัดการทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย การรู้จักขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมเอกสาร ยื่นคำร้องศาล ไปจนถึงการแบ่งปันทรัพย์ จะช่วยลดข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การเตรียมตัวล่วงหน้า หรือการปรึกษาทนายความผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้กระบวนการนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งต่อมรดกสู่ทายาทอย่างเป็นธรรม

สำนักทนายความ บริษัท สัจธรรมกฎหมายและนักสืบ จำกัด พร้อมทีมทนายคดีอาญาและทนายคดีครอบครัว ผู้มีประสบการณ์ในการว่าความ ให้คำแนะนำและดำเนินคดีทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นฟ้องหมิ่นประมาท ทั้งทางแพ่งและอาญา ฟ้องชู้เรียกค่าทดแทน ฟ้องหย่าเพื่อปกป้องสิทธิ์ของคู่สมรส ฟ้องแชร์ ฟ้องคดีฉ้อโกงหรือฟ้องยักยอกทรัพย์ เพื่อทวงคืนความเป็นธรรม รวมถึงฟ้องผิดสัญญาซื้อขายและฟ้องค่าส่วนกลางของนิติบุคคล

นอกจากนี้ เรายังมีบริการจ้างนักสืบ โดยทีมนักสืบเอกชน ช่วยตรวจสอบข้อมูล ติดตามพฤติกรรมบุคคล หรือสืบทรัพย์ บังคับคดี เพื่อให้ลูกค้าได้รับความเป็นธรรมสูงสุด รวมถึงบริการจ้างทนายไกล่เกลี่ย เพื่อหาทางออกทางกฎหมายโดยสันติวิธี

สำหรับงานด้านมรดก เราช่วยตั้งผู้จัดการมรดกให้เป็นไปตามกฎหมาย ช่วยให้กระบวนการจัดการทรัพย์สินราบรื่น และหากต้องการความช่วยเหลือด้านกฎหมาย เรายังให้บริการที่ปรึกษากฎหมาย พร้อมปรึกษาทนายความได้ทุกคดี ไม่ว่าจะเป็นทนายคดีปกครอง หรือฟ้องแชร์ เราพร้อมดูแลทุกปัญหาทางกฎหมายด้วยความเป็นธรรม ซื่อสัตย์ และรักษาความลับของลูกค้าอย่างสูงสุด เพื่อให้คุณได้รับความยุติธรรมอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไป หรือองค์กร บริษัท สัจธรรมกฎหมายและนักสืบ จำกัด พร้อมเป็นที่พึ่งพาทางกฎหมายให้คุณ


ต้องการที่ปรึกษากฎหมายอย่างเร่งด่วน
ติดต่อสำนักทนายความ บริษัท สัจธรรมกฎหมายและนักสืบ จำกัด